วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ความหมายและความแตกต่างของ E- Learning CAI และ WBI

         e-Learning 
              คำว่า e-Learning คือ การเรียน การสอนในลักษณะ หรือรูปแบบใดก็ได้ ซึ่งการถ่ายทอดเนื้อหานั้น กระทำผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซีดีรอม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรือ สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งการเรียนลักษณะนี้ได้มีการนำเข้าสู่ตลาดเมืองไทยในระยะหนึ่งแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนด้วยซีดีรอม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียนออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ การเรียนด้วยวีดีโอผ่านออนไลน์ เป็นต้น ในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า
e-Learning กับการเรียน การสอน หรือการอบรม ที่ใช้เทคโนโลยีของเว็บ (Web Based Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมถึงเทคโนโลยีระบบการจัดการหลักสูตร (Course Management System) ในการบริหารจัดการงานสอนด้านต่างๆ โดยผู้เรียนที่เรียนด้วยระบบ e-Learning นี้สามารถศึกษาเนื้อหาในลักษณะออนไลน์ หรือ จากแผ่นซีดี-รอม ก็ได้ และที่สำคัญอีกส่วนคือ เนื้อหาต่างๆ ของ e-Learning สามารถนำเสนอโดยอาศัยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia Technology) และเทคโนโลยีเชิงโต้ตอบ (Interactive Technology) คำว่า e-Learning นั้นมีคำที่ใช้ได้ใกล้เคียงกันอยู่หลายคำเช่น Distance Learning (การเรียนทางไกล) Computer based training (การฝึกอบรมโดยอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือเรียกย่อๆว่า CBT) online learning (การเรียนทางอินเตอร์เนต) เป็นต้น ดังนั้น สรุปได้ว่า ความหมายของ e-Learning คือ รูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเลคทรอนิกส์ในการถ่ายทอดเรื่องราว และเนื้อหา โดยสามารถมีสื่อในการนำเสนอบทเรียนได้ตั้งแต่ 1 สื่อขึ้นไป และการเรียนการสอนนั้นสามารถที่จะอยู่ในรูปของการสอนทางเดียว หรือการสอนแบบปฎิสัมพันธ์ได้

         Web Base Instruction (WBI)
               WBI แบบไหนถึงเรียกว่า WBIก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า WBI คืออะไรWBI ย่อมาจาก Web based instructionWBI ไม่ใช่ CAI WBI เป็นเครื่องมือสำหรับ การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ E-Learningซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ E Education และเป็นส่วนย่อยของระบบใหญ่ E Commerceแสดงระบบ E-Commerce => E education => E-LearningWBI เป็น การจัดการศึกษาในรูปแบบ Web Knowladge Based On Line เป็นการจัดสภาวกาณ์การเรียนการสอน ในรูปแบบ On Lineโดยมีข้อกำหนด อย่างไรจึงจะเรียกว่า WBI การจะเป็น WBI จะต้องมีสิ่งต่อไปนี้อย่างสมบรูณ์ ได้แก่ความเป็นระบบความเป็นเงื่อนไขการสื่อสารหรือกิจกรรมLearning Root ความเป็นระบบ System(แสดงรูประบบ)ความเป็นระบบสามารถแบ่งเป็นInput ได้แก่1. ผู้เรียน2. ผู้สอน3. วัตถุประสงค์การเรียน4. สื่อการสอน5. ฐานความรู้6. การสื่อสาร & กิจกรรม7. การประเมินผล8. อื่นๆ ฯลฯ (แล้วแต่สถาบันจะกำหนดปัจจัยที่นอกเหนือจากนี้)Process ได้แก่การสร้างสถานการณ์หรือการจัดสภาวะการเรียนการสอน โดยใช้วัตถุดิบจาก Input อย่างมี กลยุทธ หรือ ตามที่กำหนดไว้ในแผนการสอนOutput ได้แก่ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ ซึ่งได้จากการประเมินผลความเป็นเงื่อนไขอะไรคือ เงื่อนไข เงื่อนไขนับว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ WBI อาทิกำหนดเงื่อนไขว่า เมื่อเสร็จสิ้นจากการเรียนแล้วจะต้องทำแบบประเมินการเรียน หากทำแบบประเมินผ่านตามคะแนนที่กำหนดไว้ ก็สามารถไปศึกษาบทเรียนอื่นๆหรือบทเรียนที่ยากขึ้นเป็นลำดับได้ แต่ถ้าไม่ผ่านตามเงื่อนไขที่กำหนด ก็จะต้องเรียนซ้ำจนกว่าจะผ่านการสื่อสารหรือกิจกรรมอะไรคือ การสื่อสาร & กิจกรรม กิจกรรมจะเป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการปฏิสัมพันธ์ หรือการสื่อสารขึ้นภายในสถานะการณ์การเรียน โดยไม่ต่างจากห้องเรียนปกติอาจเรียกว่า Virturl Classroom กิจกรรมจะเป็นตัวช่วยให้การเรียนเข้าสู่เป้าหมาย ได้ง่ายขึ้น เช่น ใช้ Mail Chat Webboard Search ฯลฯ ติดต่ออาจารย์หรือเพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อถามข้อสงสัยLearning RootLearning Root มิใช่ Learning Link กล่าวคือ Learning Root เป็นการกำหนดแหล่งความรู้ภายนอก ที่เกี่ยวข้องกับบทเรียน โดยมีเงื่อนไข เช่น แหล่งความรู้ภายนอก ที่มีความยากเป็นลำดับ หรือ เกี่ยวข้องกับหัวข้อการเรียนเป็นลำดับ การกำหนด Leaning Root โดยใช้ เทคนิค Frame จะช่วยให้ผู้เรียนไม่เกิดภาวะหลงทางCopy Right 2000 Passkorn Roungrong email: webmaster@thaiwbi.com

         Computer Assisted Instruction (CAI)

               Computer Assisted Instruction หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า CAI มักจะเป็นส่วนที่พวกเราเข้าใจผิดมากกว่าเป็นส่วนของระบบการเรียนรู้หรือการศึกษา ด้วย คอมพิวเตอร์ทั้งหมด จริงๆแล้ว CAI จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อติดต่อโดยตรงกับ นักเรียนในการแสดงเนื้อหาบทเรียนตามลำดับขั้น ตอนอย่างเป็นระบบด้วยชุดคำสั่งจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เครื่องคอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถสูงและมีความยืดหยุ่นคล่องตัวในการสั่งคำสั่งการกระโดดข้ามควบคุมการลื่นไหลของบทเรียนได้เป็นอย่างดีอย่าง ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังไม่สามารถควบคุมการทำงานของสื่อประเภทอื่น เช่น เสียงหรือ ภาพวิดีโอเข้ามาประกอบได้อย่างกลมกลืน CAI จะเป็นตัวกลางของคำสั่งเป็นขบวนการของคำสั่งของการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจแบ่งออกได้หลายรูปแบบ เช่น แบบบทเรียนสอน(Tutorial) จะเป็นแบบที่เราพบ เห็นกันมากที่สุด โดยจะเป็นการนำเสนอบทเรียนด้วย ข้อมูลต่างๆ ตามด้วยบททดสอบความเข้าใจ หากไม่เข้าใจหรือตอบคำถามไม่ได้ ก็จะกระโดด ไปนำเสนอข้อมูล ของบทเรียนใหม่หรือนำเสนอข้อมูล เติมด้วยวิธีการใหม่ แล้วย้อนคำถามเติมซ้ำใหม่ แต่ถ้าตอบคำถามได้ดี ก็จะกระโดดไปนำเสนอบทเรียนชุดย่อยอื่นๆและตอบ คำถามในชุดย่อยนั้นๆ ตามลำดับในลักษณะเดิมไปจนจบชุดเรียนรูปแบบของ CAI ที่พบเห็นกันทั่วไปอีกแบบหนึ่งคือ การฝึกฝนทดสอบจากแบบฝึกหัด (Drill and Practice) ซึ่งจะเป็นลักษณะของโจทย์แบบฝึกหัดเรียงข้อตาม ลำดับเพื่อให้ตอบ หลังจากตอบทุกคำถามแล้วก็จะสรุปผลจำนวนที่ตอบถูกหรือผิดออกมาให้ ส่วนรูปแบบ ของ CAI อื่นๆ อีก ได้แก่ การสร้างเป็นเกมส์ (Instruction Games) เช่น การบวกตัวเลขของเด็กนักเรียน การสร้างเป็นรูปแบบ (Modeling) เช่น การสร้างรูปแบบประชากร เพื่อใช้ศึกษาตัวแปรที่มีผลต่อระบบและการจำลอง ขบวนการหรืออุปกรณ์(Simulation) เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจและเรียนรู้ขั้นตอนการทำงานของระบบที่สนใจหรือ การทำงานของอุปกรณ์ต่างๆเป็นต้นComputer Manage instruction (CMI) คือ เป็นส่วนที่ช่วยจัดการติดตามการเรียนรู้ด้วยคอมพิวเตอร์ โดยสามารถใช้ติดตามผลเป็นรายบุคคล และใน ระดับชั้น CMI นับเป็นหัวใจสำคัญของระบบการเรียนรู้ด้วยคอมพิวเตอร์อีกส่วนหนึ่ง แต่ไม่ค่อย ได้รับความสนใจเท่าที่ควรเมื่อเปรียบเทียบกับ CAI รูปแบบ ของ CMI ได้แก่ การตรวจสอบ (Testing)เพื่อใช้วัดระดับความรู้ของผู้เรียนเทียบกับวัตถุประสงค์ การสร้างข้อวินิจฉัย (Prescription Generation) ซึ่งระบบ CMI จะสร้างข้อ วินิจฉัยสำหรับผู้เรียนเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ เพราะผู้เรียนแต่ละคนอาจมีพื้นฐานและประสบการณ์ ที่แตกต่างกัน ดังนั้นข้อวินิจฉัยจะบอกจุดแข็งและจุดอ่อน จากการเรียนภายในบทเรียนที่ทดสอบนั้น และการเก็บความก้าวหน้าของผู้เรียน ( Record Keeping) เพื่อใช้ติดตามผลการเรียนรู้ในรายบุคคลและในระดับชั้นCSLR หรือ Computer Suppported Learning Resource เป็นเรื่องที่สถาบันการศึกษายุคใหม่ให้ความสนใจมาก เพราะทรัพยากรที่ใช้ในเรื่องการเรียน การสอนมีจำกัด จำเป็นที่จะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดคุ้มค่ากับการลงทุน และการลงทุนจะต้องประหยัดสามารถสร้างคุณค่าได้มากทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนสร้างคุณค่าเพิ่มในภายหลังได้มาก

ความแตกต่างของ CAI, WBI และ E-LEARNING

E-learning เป็นเสมือนวิวัฒนาการของ WBI
             CAI ทำงานภายใต้ Standalone หรือ อาจทำงานภายใต้ Local Area Network เพราะ CAI มิได้ออกแบบเพื่อการสื่อสารถึงกัน
WBI ทำงานบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสามารถทำการสื่อสารภายใต้ระบบ Multi-user ได้อย่างไร้พรมแดน โดยผู้เรียนสามารถรับส่งข้อมูลการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Education Data) อย่างไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ และผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้ และผู้สอนสามารถติดตามพฤติกรรมการเรียนตลอดจนผลการเรียนของผู้เรียนได้ และ สิ่งที่ทำให้ CAI ต่างจาก WBI คือ เรื่องการสื่อสาร
      WBI สามารถทำการสื่อสารภายใต้ระบบ Multiuser ได้อย่างไร้พรมแดน โดยผู้เรียนสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เรียนด้วยกัน อาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ฐานข้อมูลความรู้ และยังสามารถรับส่งข้อมูลการศึกษาอิเล็คทรอนิค(Eletronic Education Data ) อย่างไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ ไม่มีพรมแดนกีดขวางภายใต้ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรืออาจเรียกว่าเป็น Virtual classroom เลยก็ได้ และนั้นก็คือการกระทำกิจกรรมใดๆ ภายในโรงเรียน ภายในห้องเรียน สามารถทำได้ทุกอย่างใน WBI ที่อยู่บนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งคุณจบการศึกษาเลย
 ส่วน WBI เป็นการเรียนทางไกลผ่านทางเว็บ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือ เอ็กซ์ทราเน็ตก็ตาม
ส่วน E-learning หมายถึงการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต หรือ อินทราเน็ต เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง


ขอบคุณแหล่งที่มา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น